ReutersReuters

DJIA:ตลาดหุ้นนิวยอร์ค:ดาวโจนส์ปรับขึ้นแต่ S&P 500,Nasdaq ร่วงลง

นิวยอร์ค--8 ส.ค.--รอยเตอร์

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นบริษัทเทสลาและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด และรายงานตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไปในระยะใกล้ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากปรับขึ้น 398,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขของเดือนก.ค.อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 250,000 ตำแหน่งเป็นอย่างมาก และเดือนก.ค.ถือเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกันที่การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ทางด้านอัตราการว่างงานในสหรัฐปรับลงจาก 3.6% ในเดือนมิ.ย. สู่ 3.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งตรงกับระดับต่ำในช่วงก่อนเกิดวิฤติโรคระบาด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.23% สู่ 32,803.47, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.16% สู่ 4,145.19 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.50% สู่ 12,657.56 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ขยับลง 0.1%, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.4% ในสัปดาห์นี้ และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.2% ในสัปดาห์นี้

  • นายอดัม ซาร์แฮน ซีอีโอของบริษัท 50 พาร์ค อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งมากแบบนี้จะเพิ่มแรงกดดันต่อเฟดให้คุมเข้มนโยบายการเงินเป็นเวลานานยิ่งขึ้น และตลาดก็กำลังกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปอีกครั้ง โดยถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปเป็นเวลานานเกินไป เศรษฐกิจสหรัฐก็อาจจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หรือเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง"

  • หุ้นเทสลาดิ่งลง 6.6% และส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ส่วนหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กร่วงลง 2% และหุ้นอะเมซอนปรับลง 1.2% ทั้งนี้ นักลงทุนปรับเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และการคาดการณ์ดังกล่าวก็ช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ปรับสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 2.676% ในวันพฤหัสบดี สู่ 2.84% ในช่วงท้ายวันศุกร์ และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นธนาคารเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 3% และหุ้นตัวนี้ช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดตลาดในแดนบวก

  • นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์หน้า โดยนักลงทุนคาดว่าดัชนี CPI ของสหรัฐอาจพุ่งขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค. หลังจากทะยานขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้นมาแล้วราว 13% จากจุดต่ำสุดของช่วงกลางเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทสหรัฐหลายแห่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งออกมาในช่วงนี้--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Đăng nhập hoặc tạo tài khoản miễn phí trọn đời để đọc tin tức này